วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2562

6.2 ระบบทันเวลาพอดี (Just-is-time System : JIT)

               ระบบทันเวลาพอดี (Just-is-time System) หรือ JIT หมายถึงระบบการผลิตหรือการให้บริการที่ถูกพัฒนาเเละออกแบบให้ทำการผลิต ส่งมอบสินค้า หรือบริการในปริมาณที่ถูกต้อง เเละทันกับกระบวนการผลิต อื่น ๆ หรือทันตามความต้องการของลูกค้า โดยยึดหลักการว่าวัตถุดิบจะไม่ถูกใช้ถ้าไม่ถูกผลิตหรือดำเนินงาน
               ระบบ JIT เป็นระบบการดำเนินงานที่นำมาใช้เพื่อการพัฒนาเเละปรุบปรุงคุณภาพงาน โดยมุ้งเน้นการไหลของระบบงาน โดยไม่ให้เกิดการสะดุดของระบบงาน ตลอดจนลดข้อบกพร่องเเละของเสียลง หรือให้มีวัสดุคงคลังน้อยที่สุดหรือให้เท่ากับศูนย์ ระบบ JIT สามารถช่วยหาข้อบกพร่องในกระบวนการผลิตหรือคุณภาพของผลลัพธ์ เพื่อทำให้การเเก้ไขเเละปรับปรุงได้ทันเวลา โดยทั้งพนักงาน หัวหน้างานวิศวกร เเละผู้จัดการต้องช่วยกัน จึงจะทำ จึงจะทำให้ระบบ JIT มีความสมบูรณ์ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์การโดยที่เราสามารถประยุกต์ระบบ JIT ในการดำเนินงานได้ดังต่อไปนี้
               (1) ระบบการผลิต นำระบบทันเวลาพอดี หรือ JIT มาประยุกต์ใช้ได้ดังนี้
                      - ขจัดปัญหาของเสียที่เกิดขึ้น โดยการปรับปรุงคุณภาพการทำงาน การพัฒนาคุณภาพบุคลากรเเละการปรับปรุงของวัตถุดิบเเละระบบการจัดส่งของผู้ขายวัตถุดิบ
                      - ขจัดปัญหาความไม่สมดุลของการกำลังการผลิต โดยให้ความสมใจกับตารางการผลิตเเละความยืดหยุ่นของบุคลากรในสายการผลิต
                      - ลดความไม่เเน่นอนในการจัดซื้อวัตถุดิบ โดยการประสานงานกับผู้ขายวัตถุดิบหรือเปลี่ยนผู้ขายวัตถุดิบรายใหม่ หรือปรับรูปเเบบการจัดส่งให้เหมาะสมกับการใช้งาน
                      - ลดวัสดุคงคลังลงให้อยู่ในระดับต่ำโดยพยายามมองหาข้อบกพร่อง เเละเเนวทางปฎิบัติที่เหมาะสม
                (2)ระบบบริการ ประกอบด้วยทั้งระบบการผลิตและงานให้บริการ ซึ่งจะครอบคลุมการจัดตารางการปฏิบัติ การรับใบสั่งสินค้า งานบัญชีและงานการเงิน และการออกใบเสร็จ โดยที่ให้พนักงานและผู้บริหารพยายามช่วยกันค้นหาหนทางอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาระบบงาน เช่น ลดจำนวนคนงานลงจนกระทั่งถึงจุดที่ทำให้การทำงานล่าช้าลงหรือหยุดชะงัก เป็นต้น
                การประยุกต์ระบบทันเวลาพอดี (JIT) ในการบริการ
                ระบบ JIT ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับบริหารงานอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพ แต่ JIT ก็สามารถที่จะใช้กับระบบการดำเนินงานในการให้บริการ โดยเฉพาะงานบริการที่มีลักษณะคล้ายการผลิต (Manufacturing-Iike)
มีลักษณะของการปฏิบัติที่ซ้ำ ๆ มีปริมาณสูง และเกี่ยวข้องกับสิ่งของที่จับต้องได้ เช่น อาหาร ไปรษณียภัณฑ์ หรือเอกสาร เป็นต้น ในขณะที่ระบบการบริการอย่างอื่นที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงสูง เช่น การตัดผม รักษาโรค หรือบำรุงรักษา ก็สามารถนำระบบ JIT มาประยุกต์ได้ แต่อาจอยู่ในระดับขั้นที่น้อยกว่า โดยความสำคัญของระบบ JIT คือ การปรับปรุงระบบการดำเนินงานให้ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดการจัดเก็บหรือความซ้ำซ้อนของทรัพยากรดำเนินงาน ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้บริการด้วยรูปแบบดังต่อไปนี้
               1. การออกแบบการบริการและการพัฒนาคุณภาพช่วยให้การบริการประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการสร้างทัศนคติแก่บุคลากรด้านบริการว่า คุณค่าของการบริการคือการให้บริการที่ไม่มีข้อบกพร่อง(Defect-free Service)
               2. ระบบการจองและราคาที่แตกต่าง เป็นแนวปฏิบัติที่ผู้ให้บริการจัดสรรน้ำหนักภาระงานให้อยู่ในระดับเดียวกัน (Uniform Facility Loads)
               3. จัดวิธีการทำงานที่เป็นมาตรฐาน (Standardized Work Methods) โดยเฉพาะงานบริการที่ต้องกระทำซ้ำ ๆ กัน ซึ่งจะช่วยให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรายังต้องศึกษาและพัฒนาเทคนิคการทำงานอยู๋เสมอ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
               4. ความใกล้ชิดกับผู้ขายวัตถุดิบ (Close Supplier Tie) เพื่อให้เกิดความมั่นใจถึงคุณ๓าพในการส่งสินค้าที่รวดเร็วและตรงตามความต้องการ ซึ่งสามารถประยุกต์กับการบริการที่เกี่ยวข้องกับจำนวน เช่น ร้านอาหารจานด่วน และของที่ผลิตจำนวนมาก เช่น Wal-Mart และ Kmart เป็นต้น
               5. ปกติงานบริการต้องการพนักงานที่มีความรู้ ทักษะ และความสามารถหลากหลาย สามารถให้บริการได้ในหลาย ๆ ส่วน เช่นน ช่างซ่อมเครื่องไฟฟ้า รถยนต์ หรือเครื่องจักร อย่างไรก็ดี ความหลากหลายของทักษะจะขึ้นอยู่กับลักษณะของงานด้วย ถ้าธุรกิจมีงานที่มีความสามารถซ้ำมากก็จะใช้บุคคลที่ปฏิบัติงานเฉพาะหน้าที่ได้
              6. เครื่องมือเเละเครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในการบริการเเบบ JIT ตัวอย่าง เช่น การบริการของธนาคารด้วยระบบ ATM ตลอด 24 ชั่วโมง
              7. ระบบการให้บริการที่ต้องอาศัยเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ประกอบ เช่น สวนสนุก โรงพยาบาล หรือ ขนส่ง ต้องบะรุงรักษาให้เครื่องมือนั้นสามารถปฎิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพราะการบำรุงรักษาเเบบป้องกัน (Preventive Maintenance) เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสียหายระหว่างการเดิน โดยเฉพราะการที่ต้องการความเชื่อมั่นของการดำเนินงาน
              8. การเคลื่อนของวัตถุดิบสามารถประยุกต์สำหรับการบริการที่มีสิ่งของที่จับต้องได้ในปริมาณมาก เช่น ร้านอาหารจานด่าน ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเเละต้นทุนต่ำ เป็นต้น
              9. ผู้จัดการของหน่วยงานบริการสามารถจัดการให้ระบบงานมีลักษณะการดำเนินงานเเบบ ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ โดยจัดพนักงานเเละเครื่องมือทำงานให้ไหลอย่างเป็นระบบเเละไม่ก่อให้เกิดเวลาการทำงานที่สูญเปล่า
           ไม่ว่าจะเป็นระบบการผลิตหรือการให้บริการ ระบบ JIT จะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของสมาชิกโดยเฉพราะพนักงานปฎิบัติการโดยจัดการทีมงานบนพื้นที่การทำงานกลุ่มขนาดเล็ก เเละเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาระบบงานเเละคุณภาพของผลงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งการบริการเเละการผลิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หน่วยที่ 6 การนำกิจกรรมระบบคุณภาพเเละเพิ่มผลผลิตมาประยุกต์ใช้ในการจัดการงานอาชีพ

          การเพิ่มผลผลิตในองค์การนั้นจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยวิธีการต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการเพิ่มผลผลิตขององค์การเเละจะต้องคำนึงถึงคุณภาพ...